ขายบ้านมือสอง เลือกโบรกเกอร์เเบบไหน ขายได้ไวสุด!
หากไม่มีประสบการณ์ในเรื่องการขายบ้านมาก่อนแล้วอยากจะขายบ้าน เเถมไม่อยากขายเองเพราะไม่มีความรู้ ทางเลือกที่สามารถช่วยคุณได้คือขายผ่าน “โบรกเกอร์” หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “นายหน้า” นั่นเอง
วิธีการเลือกโบรกเกอร์
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ฝากขายบ้านให้เราเลือกมากมาย ส่วนจะเลือกที่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเรา โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขมาตรฐานแบบเดียวกัน คือ ต้องให้สิทธิ์ขายกับโบรกเกอร์นั้นเเต่เพียงผู้เดียว หรือ สัญญาแบบปิดนั่นเอง
ส่วนบริการด้านอื่นๆก็ขึ้นอยู่โบรกเกอรเเต่ละที่จะมีการตลาดแบบไหนที่ทำให้บ้านเราขายได้
หน้าที่หลักของโบรกเกอร์
หลักๆก็จะครอบคลุมกระบวนการขายทั้งหมด ตั้งเเต่ สินเชื่อ นิติกรรม กลยุทธ์การขาย และการตั้งราคาทั้งหมดก็จะส่งผลต่อการขายบ้านได้ช้าหรือเร็ว โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะคิดค่าคอมมิชชั่นเป็นมาตรฐานอยู่ที่ 3%
สิ่งสำคัญที่เราต้องพิจารณาว่าเราจะเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ ว่าตรงกับที่เราต้องการไหม
1.เมื่อรับบ้านเเล้วเขาทำอะไรต่อ?
2.บริการดีไหม?
3.มีคอนเนคชั่นกับธนาคารหรือแหล่งเงินกู้หรือเปล่า?
แน่นอนว่าควรมีคอนเนคชั่นที่ดีกับสถาบันการเงินเช่นเดียวกับบางกอก แอสเซทฯ เพราะการขอสินเชื่อเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะบ้านมือสอง หากโบรกเกอร์ไม่มีคอนเนคชั่นที่ดี ก็จะส่งผลต่อเรื่องการขายบ้านได้ยากขึ้น
สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม
-โบรกเกอร์มีการตลาดที่ครอบคลุม มีความคล่องเเคล่วดีหรือไม่? ถ้าดีก็มีโอกาสขายบ้านได้สูงขึ้นอีก
- ต้องรู้ข้อมูลบ้านของของเรา โครงการที่ขายมีกี่หลัง? ประกาศกี่หลัง? อาจเรียงลำดับราคาให้ดูว่าขายกันเท่าไหร่ บ้านไหนจะขายได้ก่อน ตามปกติแล้วบ้านสภาพใกล้เคียงกัน ราคาถูกกว่า ย่อมขายได้เร็วกว่า
นอกจากจะดูฝั่งโบรกเกอร์เเล้วเราต้องสำรวจบ้านของเราเองด้วยว่า
-ถ้าอยากขายบ้านให้ได้เร็วๆ เราต้องเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นให้โบรกเกอร์รับรู้ให้มากที่สุด
-ถ้าอยากขายได้เร็วๆ ควรตั้งราคาให้สมเหตุสมผล ไม่ถูก ไม่แพงเกินไป
-สำรวจสภาพของบ้านเราถ้ามีปัญหาเล็กน้อยก็ควรลงทุนรีโนเวทสักนิด เพื่อเพิ่มราคาให้บ้านของเราอีกทาง ซึ่งบางกอก แอสเซทฯ มีบริการรีโนเวทบ้านให้สวยใหม่พร้อมอยู่ก่อนขายด้วยครับ
ในการเลือกซื้อบ้านนั้นค่อนข้างยากมากที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจดูบ้านเพียงหลังเดียวเเล้วซื้อเลย ดังนั้นจะขายได้เร็วและได้ราคาที่พอใจมั้ย นั่นก็ขึ้นอยู่กับทั้งตัวเจ้าของบ้านและโบรกเกอร์ด้วย