พายุเข้าจนสวนสวย ๆ พัง ป้องกันแบบไหนดี
หลายคนที่รักการจัดสวน คงรู้ดีว่าการได้ออกไปเดินเล่น ชมต้นไม้ ดอกไม้ หรือแม้แต่เก็บผักเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแปลงผักในบ้าน คือความสุขใจที่หาอะไรมาแทนได้ยาก และ ‘พายุ’ ก็เป็นตัวร้ายที่สามารถสร้างความเสียหายกหับสวนสวย ๆ ของเราได้ในพริบตา ทั้งต้นไม้ที่โค่นล้ม กิ่งไม้ที่หักร่วง พืชผักใบอ่อนที่ปลิวหาย รวมไปถึงของตกแต่งสวนที่กระจัดกระจายไปทั่ว จนบางครั้งทำให้เจ้าของบ้านอย่างเราเราแทบหมดกำลังใจในการดูแลสวนต่อ
คำถามก็คือ… เราจะป้องกันอย่างไรไม่ให้สวนสวย ๆ ต้องพังทุกครั้งที่พายุเข้า... บทความนี้ขอพาไปดูวิธีการง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเสียหาย และทำให้สวนของคุณกลับมาสวยงามเหมือนเดิมกันครับ
ปัญหาที่มักเกิดขึ้นเมื่อพายุพัดเข้า
พายุไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มักสร้างเรื่องน่าปวดหัวให้คนรักสวนเสมอ ตัวอย่างปัญหาที่เจ้าของบ้านเจอบ่อย ๆ ก็คือ ต้นไม้หักโค่น พืชผักเสียหาย ใบไม้ขาดฉีก รากถูกกระชากจนหลุด ทำให้พืชตายได้ง่าย ของตกแต่งสวนแตกกระจาย กระถาง ปูนปั้น หรือเฟอร์นิเจอร์สนาม มักปลิวหรือแตกหักหากไม่ได้ยึดไว้ ระบบน้ำ-ไฟเสียหาย ท่อรั่ว ขั้วไฟฟ้าเปียกน้ำ ปัญหาเหล่านี้แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถบานปลาย กลายเป็นค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงที่ใหญ่ได้หากไม่ระมัดระวัง
วิธีป้องกันและลดความเสียหาย
1. เลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะกับสภาพอากาศ
หากบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มักเจอลมแรง ควรเลือกไม้พุ่มหรือไม้เตี้ยที่ทนลม เช่น ชาฮกเกี้ยน โมก หรือพุด เพราะระบบรากและความสูงไม่ทำให้เสี่ยงหักโค่นง่าย สำหรับแปลงผัก ควรมีพืชคลุมดินอย่างถั่วลิสงเทศหรือหญ้าแฝก เพื่อช่วยลดการชะล้างหน้าดินเมื่อฝนตกหนัก
2. ตัดแต่งต้นไม้เป็นประจำ
กิ่งที่ยื่นยาวหรือพุ่มใบหนาเกินไป อาจกลายเป็นจุดรับแรงลมจนทำให้ต้นไม้โค่นได้ง่าย การตัดแต่งกิ่งให้โปร่งเป็นระยะ จะช่วยให้อากาศถ่ายเท ลมพัดผ่านได้สะดวก และยังทำให้สวนดูเรียบร้อยสวยงามอีกด้วย
3. เสริมความแข็งแรงให้ต้นไม้
สำหรับไม้ใหญ่หรือไม้ที่เพิ่งปลูกใหม่ การใช้เสาค้ำยันช่วยพยุงเป็นวิธีที่ได้ผล โดยควรปักเสาอย่างมั่นคงและผูกยึดด้วยเชือกไนลอนหรือผ้า ไม่ควรใช้ลวดเพราะอาจบาดลำต้น เมื่อไม้โตขึ้นค่อยปรับการค้ำยันตามขนาด
4. จัดการของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์สนาม
กระถางที่วางไว้กลางแจ้งควรย้ายไปไว้ในจุดที่มีกำบัง หรือจัดเรียงชิดกำแพงเพื่อลดแรงลมกระแทก ส่วนเฟอร์นิเจอร์สนาม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ควรเลือกแบบที่มีน้ำหนักพอสมควร หรือหากเป็นพลาสติกควรเก็บเข้าที่เมื่อมีการพยากรณ์ว่าจะมีพายุ
5. ออกแบบภูมิทัศน์รองรับลม
หากมีโอกาสปรับปรุงสวน ลองออกแบบพื้นที่ให้เอื้อต่อการไหลเวียนของลม เช่น ใช้รั้วโปร่งแทนรั้วทึบ เพื่อให้ลมผ่านไปได้โดยไม่เกิดแรงต้านที่ทำให้ต้นไม้เสียหาย หรือเว้นช่องว่างในการจัดวางสิ่งปลูกสร้าง ไม่กีดขวางกระแสลมจนเกิดแรงกดดัน
6. เตรียมสวนก่อนพายุเข้า
เมื่อตรวจสอบพยากรณ์อากาศแล้วรู้ว่าพายุใกล้เข้ามา ควรเตรียมสวนให้พร้อม
ย้ายกระถางต้นไม้เล็กเข้ามาไว้ในร่ม
เก็บเครื่องมือทำสวนและของตกแต่งที่ปลิวได้ง่าย
ปิดระบบน้ำอัตโนมัติ เพื่อเลี่ยงการท่วมขังเกินจำเป็น
ตรวจสอบจุดเสี่ยง เช่น กิ่งไม้ใหญ่ที่อาจหัก ควรตัดแต่งก่อน
หลังพายุผ่าน ควรดูแลอย่างไร
เมื่อพายุสงบ สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูสวนให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
เก็บเศษกิ่งไม้ ใบไม้ และซากพืชที่ตายแล้วออกจากแปลง
ตรวจสอบต้นไม้ที่โค่น หากยังมีรากติดดินบางส่วน อาจพยุงและค้ำยันให้กลับมายืนได้
เติมปุ๋ยอินทรีย์หรือฮิวมัสเพื่อฟื้นฟูดินที่ถูกชะล้าง
หากมีพืชที่เสียหายมาก ควรปลูกใหม่แทน ไม่ฝืนเก็บไว้จนเป็นแหล่งโรคพืช
การมีสวนสวย ๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแพ้ภัยพายุทุกครั้ง หากเรารู้จักเตรียมการ และดูแลอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การเลือกพันธุ์ไม้ ตัดแต่งต้นไม้ เสริมความแข็งแรง ไปจนถึงการออกแบบสวนให้สอดคล้องกับธรรมชาติ พายุอาจสร้างความเสียหายบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้หมดกำลังใจ และที่สำคัญ การใส่ใจดูแลสวนอย่างต่อเนื่องจะทำให้ธรรมชาติฟื้นตัวได้รวดเร็ว พร้อมกลับมาเป็นมุมพักผ่อนที่ให้ความสุขกับคนในบ้านได้เหมือนเดิม