Checklist สิ่งที่ควรถามเซลล์ ทุกครั้งก่อนซื้อบ้าน
การซื้อบ้านถือเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในชีวิต เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการลงทุน ทั้งเงิน ทั้งเวลา และอนาคตของครอบครัว ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปชมบ้านจริง หรือบ้านตัวอย่างกับเซลล์ เราแนะนำว่าคุณควรเตรียมคำถาม หรือข้อสังสัยเกี่ยวกับบ้านไว้ล่วงหน้า เพื่อที่เซลล์จะสามารถให้ข้อมูลที่คุณต้องการได้ครบถ้วน และยังช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้นนั่นเองครับ
1. รายละเอียดค่าใช้จ่าย
ราคาเต็ม โปรโมชั่น ถามให้ชัดเจนว่าราคาที่คุณต้องจ่าย เป็นราคาเต็ม หรือมีโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจหรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าโอน เงินดาวน์ หรือมีโปรโมชั่นฟรีค่าธรรมเนียมไว้เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าไหม ที่สำคัญก็คือ ควรถามว่าส่วนลดที่ทางโครงการ หรือทางบริษัทขายบ้านเสนอมานั้น มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
เงินดาวน์ เงินจอง เงินผ่อน และแผนผ่อนชำระ ต้องรู้ว่าเงินจองกี่บาท ดาวน์ต้องจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ ชำระดาวน์อย่างไร เป็นงวดหรือครั้งเดียว ระยะเวลาครบกำหนดเวลาคือเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายก่อนโอน และหลังโอนกรรมสิทธิ์ เช่น ค่าประเมินราคาบ้านของธนาคาร ค่าจดจำนอง (ประมาณ 1% ) ค่าโอนกรรมสิทธิ์ (ปกติประมาณ 2% ) ของราคาประเมินหรือราคาขาย
ภาระผ่อน สินเชื่อ สอบถามเพื่อความมั่นใจว่าโครงการรับธนาคารไหนบ้าง เงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละธนาคารเป็นอย่างไร ดอกเบี้ยประมาณเท่าไร มีการลดดอกเบี้ย เงินต้นหรือไม่ พร้อมประเมินภาระผ่อนต่อเดือนว่าไหวหรือไม่
2. รูปแบบบ้าน โครงสร้าง วัสดุและงานก่อสร้าง
แบบแปลนบ้าน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ จัดสรรพื้นที่ใช้สอย (ห้องนั่งเล่น ห้องครัว พื้นที่เก็บของ) และการจัดแปลนว่ามีการกั้นเป็นสัดส่วนหรือเปิดโล่งหรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีผลต่อความสะดวกและทิศทางแดดลมในบ้าน
ก่อสร้าง คุณภาพงาน เช่น โครงสร้าง เสาเข็ม งานหลังคา งานไฟฟ้า ประปา สภาพผนัง งานปูพื้น หรือถ้าหากเป็นโครงการบ้านมือหนึ่ง อีกหนึ่งคำถามที่ควรลิสต์ไว้คือ มีใบรับรองการควบคุมคุณภาพ งานตกแต่งภายในแล้วหรือไม่ มีการเคลือบป้องกันน้ำรั่วหรือไม่นั่นเองครับ
โครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการ ถนนทางเข้า-ออก ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้า น้ำประปา Internet สัญญาณโทรศัพท์ การเดินสายไฟ-สายสื่อสาร เพื่อไม่ให้มีปัญหากวนใจในระยะยาว
3. ทำเล สิ่งแวดล้อม สาธารณูปโภคใกล้เคียง
ทำเลที่ตั้ง และการเดินทาง สอบถามรายละเอียดเรื่องการเดินทาง สามารถเข้า-ออกแค่ไหน เข้าออกได้จากถนนเส้นไหนบ้าง มีทางเลือกเป็นรถโดยสารสาธารณะ รถไฟฟ้า หรือใกล้ทางด่วนหรือไม่ ระยะเวลาเดินทางไปยังที่ทำงาน โรงเรียน โรงพยาบาล ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ และข้อมูลเรื่องการเดินทางอื่น ๆ ก็ควรเตรียมไปถามด้วยเช่นกัน
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ เช่น ตลาด ห้างร้านขนาดเล็ก โรงเรียน โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ สวนสาธารณะ หรือการรักษาความปลอดภัยของโครงการ เช่น มี เสาไฟหน้าบ้าน มีระบบกล้อง CCTV สำหรับรักษาความปลอดภัยหรือไม่ มีแสงสว่างในถนนในซอยโครงการเพียงพอหรือไม่
สภาพแวดล้อม โครงการตั้งอยู่ในโซนอะไรตามผังเมือง (เช่น โซนชุมชน โซนอุตสาหกรรม โซนมพื้นที่ที่ใกล้ถนนใหญ่) มีโครงการสาธารณะ หรือโครงการคมนาคมขนาดใหญ่ ที่จะอาจเวนคืนที่ดินไหม เช่น ถนนสายใหม่ หรือถนนเส้นใหม่ตัดผ่านไหม
4. เอกสาร สิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์
โฉนด กรรมสิทธิ์ที่ดิน ถามว่าสถานะโฉนดเป็นแบบใด ที่ยังอยู่ในชื่อใคร มีภาระจำนอง หรือพันธะผูกพันอื่น ๆ กับที่ดินหรือไม่ เอกสารครบถ้วนหรือไม่ (โฉนด ใบอนุญาตก่อสร้าง ผังโครงการ)
ใบอนุญาตต่าง ๆ และการอนุมัติจากภาครัฐ เช่น ใบอนุญาตก่อสร้าง การอนุญาตของเทศบาล องค์กรปกครองท้องถิ่น ถ้ามีถนน สาธารณูปโภคส่วนกลาง เช่น สวน ระบบป้องกันน้ำท่วม ต้องถามว่าใครรับผิดชอบดูแล โอนเมื่อโครงการเสร็จหรือไม่
ประวัติบ้าน ถ้าเป็นบ้านมือสองหรือบ้านที่เคยอยู่แล้ว ควรถามอายุบ้าน ประวัติการซ่อมแซม (หลังคา ประปา ระบบไฟฟ้า ซ่อมโครงสร้าง) เรื่องที่ซ่อนไม่เห็นได้ง่ายแต่สำคัญมาก
5. การบริการหลังการขาย เงื่อนไขของโครงการ
บริการหลังการขาย ถามว่าโครงการให้บริการหลังการขายอะไรบ้าง เช่น รับประกันโครงสร้าง ซ่อมรอยร้าว รั่วซึม ปัญหาระบบภายในบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้า ประปา ประตู หน้าต่าง ฯลฯ ระยะเวลารับประกันเท่าไหร่ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ (Developer หรือ โครงการ)
ค่าส่วนกลาง ค่าดูแลพื้นที่ส่วนกลาง สอบถามเรื่องค่าส่วนกลาง ต่อเดือน หรือต่อปี และอะไรที่อาจต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่ (เช่น สวน สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัย ถนนภายในโครงการ ฯลฯ เป็นต้น)
บ้านที่พร้อม = ความสบายใจที่แท้จริง
ในการซื้อบ้านครั้งแรก หลายคนอาจจะมีความรู้สึกเกรงใจเซลล์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย กลัวว่าถามเยอะแล้วจะดูวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้วการถามคือสิ่งที่ควรทำที่สุด เพราะการซื้อบ้าน เป็นสิทธิ์ของคุณในฐานะคนว่าที่เจ้าของบ้านคนใหม่ ยิ่งเป็นสินทรัยพ์ที่มีราคาสูงแบบนี้ ก็เป็นเหมือนการลงทุนกับครอบครัวในระยะยาวด้วย
ที่ BKA เราเข้าใจข้อนี้เป็นอย่างดี เซลล์ของเราจึงถูกเทรนมาให้ตอบลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เอกสาร โครงสร้าง โปรโมชัน เราพร้อมเล่าเรื่องบ้านให้ฟังตั้งแต่วันแรกที่คุณเดินเข้าชม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด
นอกจากงานบริการที่เรามั่น สิ่งที่ทำให้ลูกค้าของ BKA รู้สึกอุ่นใจคือ ‘บ้านที่พร้อมเข้าอยู่ได้จริง’ มั่นใจได้ทั้งเรื่องงานก่อสร้างที่มีการตรวจสอบโดยวิศวกร ระบบไฟฟ้า-ระบบประปา ที่ใช้งานได้เหมือนใหม่ มีทีมงานดูแล และบริการหลังการขายพร้อมทุกหลัง
เพราะเราเชื่อว่าการซื้อบ้านไม่ใช่แค่การปิดการขาย แต่คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณและครอบครัว บ้านของเราจึงไม่ใช่แค่สวยจากภายนอก แต่ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่เราตั้งใจให้คุณอยู่ได้จริงแบบสบายใจนั่นเองครับ
