วิธีทำความสะอาดของใช้ในบ้าน ช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกัน COVID-19
แนะนำวิธีทำความสะอาดของใช้ รวมถึงจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน ช่วยฆ่าเชื้อโรคพร้อมป้องกัน COVID-19 หรือ โคโรนาไวรัส ก่อนเชื้อแพร่กระจายเป็นอันตรายกับคนรอบข้าง
COVID-19 อยู่ได้นานกี่วัน?
โคโรนาไวรัส ปกติจะอาศัยอยู่บนเซลล์ของคนหรือสัตว์ จะอ่อนแอและบอบบางลงเมื่ออยู่ภายนอกร่างกาย เช่น ตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านของเรา แต่ก็สามารถอยู่ได้นานหลายวันหากไม่มีการทำความสะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมาก หากมีการสัมผัสหรือใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปาก โดยมีระยะที่ไวรัสโคโรนาจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดังนี้
- บนวัสดุต่าง ๆ เช่น พื้น โต๊ะ ลูกบิดประตู 7-8 ชั่วโมง
- ในผ้าหรือกระดาษทิชชู 8-12 ชั่วโมง
- ในน้ำ 4 วัน
- ในตู้เย็นหรือที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 เดือน
สารน้ำยาทำความสะอาดช่วยฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้
นอกจากควรหมั่นล้างมือให้สะอาดแล้ว การทำความสะอาดบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว รวมไปถึงห้องนอน โดยการเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาดต่อไปนี้
- Hydrogen Peroxide 0.5-7.0%
- Benzalkonium Chloride 0.05%
- Chloroxylenol 0.12%
- Ethyl Alcohol 70%
- Iodine in Iodophor 50 ppm
- Isopropanol 50%
- Povidone-iodine 1%
- Sodium hypochlorite (น้ำยาฟอกขาว) 0.1-0.5%
- Sodium Chlorite 0.23%
- Cresol Soap 1%
วิธีทำความสะอาดบ้าน ป้องกัน COVID-19
เพื่อป้องกันโคโรนาไวรัสเข้าสู่ร่างกายและแพร่กระจายไปยังคนรอบตัว จึงควรหมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ดังนี้
1. ซักเสื้อผ้าด้วยน้ำร้อน
เสื้อผ้าที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้รอบตัวที่เป็นผ้า เช่น ผ้าม่าน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูที่นอน ควรซักด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60-90 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 25 นาที และสามารถซักร่วมกับผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าได้ตามปกติทั่วไป
2. ใช้อุปกรณ์ที่มีด้ามจับ
เพื่อให้อยู่ใกล้เชื้อโรคและสัมผัสพื้นผิวน้อยที่สุด ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีด้ามจับ เช่น ไม้ถูพื้น แปรงมีด้ามจับ ฟองน้ำมีด้ามจับ ทว่าควรหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นด้วยขวดสเปรย์ เพราะเป็นการทำให้เกิดละออง ซึ่งส่งผลให้น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะฟุ้งกระจายขึ้นมาได้ โดยให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแทนจะดีที่สุด
3. ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อบนสิ่งของ
สำหรับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่เราต้องหยิบจับบ่อย ๆ เช่น มือถือ แท็บเล็ต รีโมต คอมพิวเตอร์ ให้เช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือแอลกอฮอล์ แล้ววางทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาใช้ โดยแอลกอฮอล์ที่นำมาใช้ควรมีระดับความเข้มข้น 70-90% จะช่วยฆ่าโคโรนาไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
4. ล้างโถส้วมและห้องน้ำ
วิธีการทำความสะอาดโถส้วมและห้องน้ำแบบฆ่าเชื้อโรค ขั้นตอนแรกให้ราดน้ำยาฟอกขาวทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ แล้วก็ล้างน้ำเปล่าออกให้สะอาด
5. ปิดฝาชักโครกในห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรมองข้าม โดยการปิดฝาชักโครกทุกครั้งที่มีการกดล้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสฟุ้งกระจายในอากาศ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบสุขภัณฑ์ใส่ในถังพักน้ำ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคอีกทางหนึ่ง
6. พื้นที่เสี่ยง
บริเวณเสี่ยงโดนน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ และสารคัดหลั่งของคนในบ้าน ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจางผสมน้ำเปล่าในอัตรา 1:9 ส่วน ตามลำดับ แล้วราดทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก่อนจะล้างออกแบบปกติ
7. พื้นผิวทั่วไป
พื้นที่ที่มีการสัมผัสเป็นประจำ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ปุ่มกด ลูกบิด ราวบันได ที่วางแขน พนักพิง สวิตซ์ไฟ และเตียงนอน สามารถทำความสะอาดได้ โดยใช้น้ำยาฟอกผ้าขาว (ที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 3-6%) 10 ซี.ซี. หรือประมาณ 1 ฝา ผสมกับน้ำครึ่งลิตร เช็ดตามบริเวณต่าง ๆ แล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 นาที จากนั้นค่อยเช็ดซ้ำด้วยผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดที่มีสารฆ่าเชื้อโรค
8. พื้นผิวโลหะ
สำหรับของใช้ที่มีพื้นผิวเป็นโลหะ เช่น ตู้เย็น ทำความสะอาด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70-90% แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาฟอกขาว เพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ ทำให้พื้นผิวเสียหายได้ ทั้งนี้ หากไม่มีแอลกอฮอล์ สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดแทนได้
9. ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด
นอกจากจะทำความสะอาดบ้านและของใช้ในบ้านแล้ว ต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้งด้วย โดยมีวิธีง่าย ๆ คือ แช่ถังถูพื้นในน้ำร้อนหรือน้ำยาฟอกขาว แช่อุปกรณ์ทำความสะอาดในน้ำยาฟอกขาว และทิ้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องทิ้ง เช่น ผ้าที่ใช้เช็ด ลงในถุงขยะแล้วรัดปากถุงให้แน่น เสร็จแล้วก็อย่าลืมล้างมือด้วยน้ำสบู่ให้สะอาดด้วย ทั้งนี้ระหว่างที่ไวรัสกำลังระบาด ขอแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดแบบใช้แล้วทิ้งไปก่อนจะดีที่สุด
10. เปิดประตู-หน้าต่าง
หลังจากใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฟอกขาวทำความสะอาดบ้านและของใช้ในบ้านเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเปิดประตู-หน้าต่าง เพื่อช่วยถ่ายเทและระบายอากาศด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
National Environment Agency, เฟซบุ๊ก Pleasehealth Books, แพทยสภา, กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค, กรมควบคุมโรค และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ , kapook.com
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
